ข่าวลือสะพัด เกลเซอร์อาจมีการแบ่งปันหุ้นส่วนเอาใจแฟนคลับสโมสรแมนยู

ในเร็วๆ นี้มีข่าวลือที่แพร่สะพัดในวงการฟุตบอลว่าสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนั้นกำลังอยู่ในช่วงการตัดสินใจแบ่งปันหุ้นความเป็นเจ้าของสโมสรซึ่งเดิมทีนั้นอยู่ในมือของตระกูลเกลเซอร์ จุดประสงค์ในครั้งนี้ก็เพื่อเอาใจแฟนคลับที่จะได้ร่วมกันเป็นเจ้าของสโมสรที่ยิ่งใหญ่และยังเป็นการเรียกความเชื่อใจให้กลับมาอีกด้วย โดยจะจัดตั้งเป็นโครงการเพื่อเสนอหุ้นแบบใหม่ที่ให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์มีเสียงในการลงคะแนน

ไม่เพียงเท่านั้นยังจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาแฟนบอลขึ้นมาใหม่เพื่อให้แฟนบอลสามารถมีอิทธิพลในการตัดสินใจการดำเนินการในสโมสรได้มากยิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแต่ข่าวนี้ก็ได้รับการเผยแพร่โดยสื่อใหญ่มากมาย โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานของสโมสรอย่างอัฟราม เกลเซอร์มหาเศรษฐีจากอเมริกาได้ตัดสินใจขายหุ้นของสโมสรแมนเชสเตอร์เป็นจำนวนสูงถึง 97 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เนื่องจากทางสโมสรที่มีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอย่างแมนยูนั้นก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ระส่ำระส่ายจากการที่ตัดสินใจไปเข้าร่วมการแข่งขันศึก European Super League ที่ตอนนี้ก็ล่มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำเอาแฟนฟุตบอลรู้สึกโกรธเคืองบางคนนั้นก็ถึงกับแค้นฝังหุ่นกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของสโมสรโดยไม่คำนึงถึงจิตใจแฟนคลับเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเหตุการณ์จะดูเล็กแต่มันก็ทำให้เกือบจะนำไปสู่การประท้วงและการเกิดเหตุจลาจลในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดเลยทีเดียว

เมื่อสูญเสียความไว้วางใจจากแฟนคลับไปแน่นอนว่ามันย่อมส่งผลกระทบต่อทีมโดยตรง

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สโมสรจำเป็นต้องออกมาประกาศถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกของ ESL และจัดงานแถลงขอโทษแฟนคลับหวังซื้อใจ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าแค่คำขอโทษและการรับผิดชอบความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยนั้นไม่ได้ทำให้แฟนคลับกลับมารู้สึกดีด้วยง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ครอบครัวผู้ถือหุ้นใหญ่จึงได้มีการพูดคุยกันและตัดสินใจว่าจะทำการขายหุ้นส่วนของสโมสรเพื่อให้แฟนคลับได้มีโอกาสในการเข้ามาบริหารและมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการตัดสินใจภายในทีมมากยิ่งขึ้น

เพราะพวกเขามองว่าผลกำไรที่ได้รับส่วนตัวนั้นกำลังก่อให้เกิดความเสียหายกับสโมสรดังกล่าว ตระกูลมหาเศรษฐีดังกล่าวเข้ามาซื้อกิจการสโมสรไปในปี 2005 จำนวนเงิน 1.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เหตุการณ์ในครั้งนั้นมีแฟนสโมสรมากมายนับพันที่ถูกบังคับให้ต้องขายหุ้น หากข่าวลือดังกล่าวเป็นจริงก็ถือว่ามหาเศรษฐีผู้นี้ได้ทำตามคำมั่นสัญญาเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีเรียบร้อยแล้ว

ติดตามข่าวเพิ่มเติม : ข่าวฟุตบอล