เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยิงเข้ากรอบเพียงครั้งเดียวในเกมออกไปเยือนลิเวอร์พูล ในเกมพรีเมียร์ลีกคืนวันพุธที่ผ่านมา ลูกทีมของราล์ฟ รังนิคต้องพบเผชิญหน้ากับความย่อยยับอีกครั้งด้วยสกอร์ 4-0 ทำเอาเหล่าบรรดาอดีตแข้งยูไนเต็ดออกมาตำหนิทีมกันยกใหญ่ รวมถึงสถิติหลังเกมสุดห่วยแตกสุดน่าอับอาย เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับคู่แข่งตลอดกาล วิเคราะห์บอลสด
ตัวเลขสถิติหลังเกมลิเวอร์พูลพบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีกเมื่อคืนที่ผ่านมาสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า พลพรรคเร้ด เดวิลส์ทำผลงานได้น่าผิดหวังมากแค่ไหน ถึงแม้ประสิทธิภาพของทีมเจ้าบ้านจะเป็นต่อหลายขุมก็ตาม แต่บทสรุปของเกมที่ออกมายากเกินจะยอมรับได้โดยเฉพาะ แฟน ๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทั่วโลก
เกม 90 นาที สตาร์ชาวอียิปต์ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ กดคนเดียว 2 ตุง ชณะที่หลุยส์ ดิอาซ และซาดิโอ มาเน่ บวกคนละ 1 ประตู ส่งผลให้ 2 แนวรุกรายหลังยิงประตูรวมกันได้ถึง 9 ลูก เมื่อพวกเขาพบกับแมนฯยูไนเต็ด ทั้งหมดยังไม่แย่พอ เมื่อตัวเลขหลังเกมเผยให้เห็นสถิติอันน่าสยดสยองของผู้เล่นทีมเยือนยูไนเต็ด เดอะเร้ด เดวิลส์ ยิงได้เพียง 2 ครั้ง น้อยที่สุดในฤดูกาล กระทั่งพวกเขาทำได้เพียงครั้งเดียวในเกมล่าสุด นอกจากนี้พวกเขามีโอกาสสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษลิเวอร์พูลเพียง 9 ครั้ง และ 2 ครั้งจากลูกเตะมุม
หากนำสถิติทั้ง 2 ทีมมาเปรียบเทียบ ลิเวอร์พูลเจ้าบ้านมีโอกาสยิง 14 ครั้ง สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษยูไนเต็ด 36 ครั้ง และอีก 9 คอร์นเนอร์คิ๊ก จ่าฝูงชั่วคราวอย่างลิเวอร์พูลยังตรอกย้ำความห่างชั้นด้วยอัตราจ่ายบอลมากกว่าแมนฯยูไนเต็ดมากถึง 2 เท่า ระหว่าง 879 และ 349 ครั้ง พร้อมกับอัตราจ่ายสำเร็จร้อยละ 91 ขณะที่ยูไนเต็ดจ่ายบอลสำเร็จเพียงร้อนละ 74 ทีเด็ดฟุตบอลวันนี้
สถิติที่น่าสนใจ นับตั้งแต่ปี 2003-2004 มีผู้เล่นเพียง 4 รายที่สามารถผ่านบอลได้มากกว่า 100 ครั้งในหนึ่งเกม และสถิติดังกล่าวเกิดขึ้นในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยติอาโก้ 105 ครั้ง และเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค 106 ครั้ง เมื่อกองกลางตัวโฮลด์บอลกับเซนเตอร์แบ็คมีอัตราจ่ายบอลค่อนข้างสูง นั่นหมายความว่าอัตราครองบอลลิเวอร์พูลนั้นสูงถึง 72 เปอร์เซ็นต์
“แฟนบอลไม่สมควรเผชิญกับผลแข่งขันลักษณะนี้ พวกเขาสมควรได้รับอะไรมากกว่านี้ เราจำเป็นต้องยกระดับทีมให้สูงขึ้น” บรูโน่ แฟร์นันเดซกล่าวหลังเกม ขณะที่รังนิคยอมรับว่า “นี่คือเกมที่น่าอับอายขายหน้า ครึ่งแรกเราห่วยแตก ส่วน 25 นาทีในครึ่งหลังเราทำได้ดี แต่ลูกที่สามารถมันกลายเป็นจุดเปลี่ยน แต่เราต้องยอมรับว่า พวกเขานำหน้าเราถึง 6 ปี” รังนิค กล่าวหลังเกม